ผลิตภัณฑ์แต่ละชนิดมีคุณสมบัติประสิทธิภาพและประสิทธิผลที่แตกต่างกัน และเพื่อผลลัพธ์ที่ดี ฉีดแล้วออกมาสวยงามเป็นธรรมชาติ เราควรเลือกยี่ห้อสารลดเลือนริ้วรอยที่เหมาะสมกับเรามากที่สุด

ในช่วงแรก โบทูลินั่ม ท็อกซิน ถูกนำมาใช้เพื่อการรักษาทางตา เช่น ตาเหล่ (Strabismus) หรือหนังตากระตุก (Blepharospasm) แล้วพบว่า ทำให้ริ้วรอยบริเวณที่ฉีดลดลง ปัจจุบันจึงได้ใช้ โบทูลินั่ม ท็อกซิน เพื่อประโยชน์ทางด้านการเสริมความงาม และด้านอื่นๆ ได้แก่

• ใช้รักษาเรื่องริ้วรอยที่เกิดจากการเคลื่อนไหว หรือการแสดงอารมณ์ เช่น บริเวณระหว่างคิ้ว หน้าผาก หางตา รอบปาก
• นำไปใช้ช่วยลดกราม (ลดหน้าเหลี่ยม) ช่วยให้ใบหน้าเรียวขึ้น
• ใช้ช่วยลดขนาดของเนื้อน่อง ทำให้น่องเรียว
• ใช้ช่วยลดอาการปวดต่างๆ เช่น ปวดไมเกรน ปวดหลัง รวมถึงช่วยลดเหงื่อที่ผิวหนัง เช่น บริเวณรักแร้ และฝ่ามือ
• นอกจากการฉีด โบทูลินั่ม ท็อกซิน เข้าไปที่กล้ามเนื้อแล้ว ยังมีเทคนิคการฉีด โบทูลินั่ม ท็อกซิน ที่เรียกว่า Microbotox technique เป็นการฉีด โบทูลินั่ม ท็อกซิน เข้าที่ผิวหนัง จะช่วยให้ผิวหนังตึงกระชับ ผิวที่หย่อนคล้อยดูยกขึ้น รูขุมขนเล็กลง และลดความมันของใบหน้าด้วย ทั้งนี้ การออกฤทธิ์ของ โบทูลินั่ม ท็อกซิน จะเริ่มออกฤทธิ์ใน 2-3 วัน ออกฤทธิ์เต็มที่เมื่อประมาณ 7-14 วัน และฤทธิ์ของ โบทูลินั่ม ท็อกซิน จะค่อยๆ สูญสลายไปในระยะเวลา 4-6 เดือน

จากการรวบรวมผู้ป่วยที่ได้รับการฉีด โบทูลินั่ม ท็อกซิน จำนวนมาก ในต่างประเทศ พบว่าไม่มีอันตรายถึงชีวิต เมื่อใช้โดยผู้เชี่ยวชาญและใช้ฉีดเพื่อความสวยงาม ทั้งนี้ ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้จากการฉีด โบทูลินั่ม ท็อกซิน ได้แก่

• บวม แดง ช้ำ เขียว ตรงบริเวณที่ฉีด
• แพ้เห่อแดง ที่ผิวหนัง
• หน้าแข็งตึง รู้สึกว่าไม่สามารถบังคับกล้ามเนื้อบนใบหน้าได้ สาเหตุเกิดจากปริมาณโบทูลินั่ม ท็อกซินที่ฉีดเข้าไปไม่เหมาะสม
• หางคิ้วกระดก เทคนิคการฉีดที่ไม่เหมาะสมหรือไม่ถูกต้อง อาจทำให้คิ้วเลิกสูงขึ้น รวมทั้งยังอาจทำให้เกิดรอยย่นขึ้นที่ด้านข้างของคิ้วเพิ่มขึ้นได้ด้วย
• หนังตาตก เนื่องจากกล้ามเนื้อเป็นอัมพาต ซึ่งเป็นเพียงแค่ชั่วคราว

ทั้งนี้ ผลข้างเคียงส่วนมากที่เกิดขึ้นมักเป็นแบบเฉพาะที่ เช่น หนังตาตก หน้าไม่สมมาตร หรือจุดเลือดออกในบริเวณที่ฉีด ซึ่งเกิดได้แม้ในมือผู้เชี่ยวชาญ ดังนั้นแพทย์และผู้ทำการรักษาจึงควรคุยกันโดยละเอียดก่อนการฉีดทุกครั้ง

ผลจากการฉีด โบทูลินั่มท็อกซิน นั้นจะค่อยๆ หมดไปเองภายในเวลาเป็นหลักเดือน ดังนั้นผู้รับการรักษาอาจรอให้ผลของ โบทูลินั่ม ท็อกซิน หมดไปเองก็ได้ ส่วนในกรณีที่เกิดหนังตาตกนั้น ผู้รับการรักษาควรปรึกษาแพทย์ผู้ทำการรักษาเพื่อแก้ไขเป็นกรณีไป